top of page
  • ออดี้ ไรเดอร์

รีวิว หนัง The Truman Show (1998): เมื่อทั้งชีวิตของเขาเป็นเพียงรายการทีวี


The Truman Show เป็นหนึ่งหนังในดวงใจของเราเลย เป็นหนังที่ครูเคยเปิดให้ดูบ่อยมากๆ ในคาบภาษาอังกฤษตอนอยู่มัธยม ผ่านมาเกือบ 10 ปีเพิ่งได้กลับมาดูซ้ำอีกรอบเมื่อ Netflix เอามาให้ดู เราเลยขอรำลึกความหลังสักหน่อยThe Truman Show เล่าเรื่องของ ทรูแมน (Jim Carrey) ชายหนุ่มที่มีชีวิตแสนธรรมดาในเมืองเล็กๆ บนเกาะอันสุขสงบ ทรูแมนไม่เคยเอะใจเลยว่าแท้จริงแล้วชีวิตของเขาตั้งแต่เกิดมานั้นถูกถ่ายทอดผ่านทีวี มีผู้ชมทั่วโลก และโลกที่เขาอาศัยอยู่เป็นเพียงโรงถ่ายหนังขนาดใหญ่เท่านั้น จนกระทั่งวันหนึ่งมีสปอร์ตไลต์ตกลงมาจากท้องฟ้า ต่อด้วยเหตุการณ์แปลกๆ ไม่เข้าที่เข้าทางมากมายที่เริ่มทำให้ทรูแมนรู้สึกแหม่งๆ ไม่ว่าจะเป็นวิทยุที่รายงานสถานะว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน ผู้คนที่ดูเหมือนจะให้ความสนใจเขาเป็นพิเศษ หรือลำดับการปรากฏตัวของผู้คนที่เข้าออกฉากได้เป็นจังหวะเกินไป เขาเริ่มกังขากับที่ที่เขาอยู่ บวกกับต้องการการผจญภัย จึงตัดสินใจหนีออกจากเมือง ประเด็นหลักๆ ที่เห็นกันในเรื่องนี้คือรายการเรียลลิตี้ ซึ่งก็ถือได้ว่าเรียลมากเพราะมีทรูแมนนี่แหละที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นเพียงตัวละครหลักของรายการ โลกที่เขาอยู่ก็เป็นเพียงการเซ็ตฉาก ผู้คนที่เขามีความสัมพันธ์ด้วยไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ เพื่อน ภรรยา ล้วนแล้วแต่เป็นนักแสดงทั้งนั้น ไม่มีอะไรในชีวิตทรูแมนที่เป็นความจริงเลยสักอย่าง นอกจากตัวเขาเอง ด้วยเหตุนี้ละมั้ง อารมณ์ความรู้สึกของเขา ชีวิตจริงของทรูแมน กลายเป็นเพียงความบันเทิงของคนดู เท่านั้นเองและเมื่อรายการจบไป ผู้ชมก็ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่า“เปิดช่องอื่นดูซิ มีอะไรน่าดูอีกบ้าง” ความบันเทิงจึงเป็นเพียงสิ่งที่มาแล้วก็ไป ไม่ได้อยู่อย่างจีรังยั่งยืน ผู้ชมที่ตอนแรกเชียร์ทรูแมน พอรายการจบ เขาก็กลายเป็นอีกหนึ่งความทรงจำที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ดูไปแล้วจะสงสารทรูแมนมาก แล้วก็แอบสงสัยนะว่าในหนังนี่ไม่มีกลุ่มเรียกร้องสิทธิมนุษยชนเลยเหรอ ปล่อยให้รายการออกอากาศมาตั้ง 30 ปีแน่ะ แต่เอาเป็นว่า รายการนี้ฮอตฮิตมาก คนดูกันแบบไม่ทำการทำงาน ส่วนทรูแมนนั้นก็ไม่ได้รู้ตัวเลย เขาเชื่อว่าโลกที่เขาอยู่คือความจริง ไม่มีอะไรจริงไปกว่านี้อีกแล้ว ก็เหมือนเราๆ ที่เชื่อว่าผู้ชมถึงให้ความสนใจกับรายการนี้มาก เพราะมันไม่ใช่การแสดงละครตามสคริปต์ แต่มันคือชีวิตจริงของคนคนหนึ่งซึ่งไม่รู้เลยว่าเขากำลังถูกเซ็ตฉาก ผู้ชมคงจะลุ้นไปกับเรื่องราวของเขาที่เหล่าโปรดิวเซอร์ช่วยกันสรรสร้าง และมีความสุขกับทุกๆ การกระทำ ทุกๆ โลกที่เราอยู่คือความจริง


ถ้าเกิดสมมติวันหนึ่งเราค้นพบว่าเมืองที่เราอยู่ ผู้คนที่เรารู้จัก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่างๆ ล้วนแล้วแต่ปลอมล่ะ? เจ็บปวดน่าดูเลยว่าไหมใช่ คริสตอฟฟ์อาจจะพูดถูก ทรูแมนสามารถมีชีวิตอย่างสุขสบายในโรงถ่ายทำหนัง ไม่ต้องลำบากลำบนอะไร แต่ทรูแมนจะสามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้จริงๆ น่ะหรือ? เหมือนเราจะได้ยินทรูแมนตะโกนอยู่ในใจว่า “พอกันที” ไม่เอาแล้วละชีวิตที่สวยแค่เปลือกนอก ขอก้าวออกไปเผชิญโลกแห่งความเป็นจริงดีกว่า แม้ว่าทางที่ออกไปจะมืด มองไม่เห็นอะไรเลยก็ตาม “คุณไม่เคยติดกล้องในหัวผมนี่!” ทรูแมนสวนกลับ เมื่อคริสตอฟฟ์เอ่ยว่าเขารู้จักทรูแมน ดีกว่าที่ทรูแมนรู้จักตัวเองอีก แม้สิ่งต่างๆ ภายนอกจะถูกบงการได้ แต่ความรู้สึกแท้จริงข้างใน ตัวเรานี่แหละรู้ดีที่สุด ในตอนจบ เราไม่รู้ว่าชีวิตภายนอกโรงถ่ายหนังของทรูแมนเป็นอย่างไร หนังตัดจบไปแบบค้างๆ ต้องไปจินตนาการกันเอาเอง เช่นเดียวกับรายการ The Truman Show ที่ทุกคนดูอยู่เช่นกัน สิ่งสุดท้ายที่ทรูแมนพูดกับผู้ชม ก็คือสิ่งที่เขาพูดมาตลอดทั้งรายการ

ติดตามรีวิวภาพยนตร์ ได้ที่ : movieup2you.com

ติมตามเพจได้ที่ : มูฟวี่ Up2You

bottom of page